สมาคมสถาปนิกสยามฯ

สมาคมสถาปนิกสยามฯ จับมือ ทีทีเอฟ ปักธงเตรียมจัดงานสถาปนิก’69

สมาคมสถาปนิกสยามฯ จับมือ ทีทีเอฟ ปักธงเตรียมจัดงานสถาปนิก’69

ด้วยแนวคิดตระหนักรู้ปัจจุบันและทิศทางอนาคต

สติมา ปัญญา พร้อม(ท์) – SATI : WISDOM : PROMPT”

 (19 พฤศจิกายน 2568) สมาคมสถาปนิกสยามฯ ผนึกกำลัง ทีทีเอฟ ประกาศจัดงานสถาปนิก’69 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 38 ภายใต้แนวคิด สติมา ปัญญา พร้อม(ท์) | SATI : WISDOM : PROMPT” ที่สะท้อนการตระหนักรู้และเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน เตรียมพร้อมก้าวข้ามไปสู่อนาคต ผลักดันทิศทางการยกระดับสถาปัตยกรรมไทยไปสู่สากล เผยไฮไลต์นิทรรศการและกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้จากสถาปนิกชื่อดังระดับโลก รวมถึงการจัดแสดงนวัตกรรมเพื่องานออกแบบก่อสร้างครบวงจร โดยผู้ประกอบการจากนานาชาติกว่า 1,000 ราย เปิดให้เข้าชมงาน ฟรี ระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2569 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดผลตอบรับดีมีผู้ร่วมชมงานมากถึง 325,000 คน

นายอเส สุขยางค์ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวความร่วมมือ สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ – บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถึงความพร้อมในการจัดงานสถาปนิก’69 ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 38 ถือเป็นงานแสดงเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดและแสดงนิทรรศการงานสถาปัตยกรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผลงานทางวิชาชีพสถาปัตยกรรมและกิจกรรมของสมาคมฯ รวมถึงเป็นสื่อกลางในการจัดแสดงการออกแบบ งานสถาปัตยกรรม นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องกับงานสถาปัตยกรรมครบวงจร ตลอดจนส่งเสริมวิชาชีพทางสถาปัตยกรรมแก่สมาชิก นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้รับทราบถึงบทบาทการพัฒนาสังคมและการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

สมาคมสถาปนิกสยามฯ มีพันธกิจที่มุ่งเน้นส่งเสริม สนับสนุน และเผยแพร่ การศึกษา ค้นคว้า การวิจัยและพัฒนา เพื่อความก้าวหน้าในการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมและทันกับการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย งานสถาปนิก’69 ยังคงต่อยอดการจัดงานสถาปนิกครั้งที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสครบรอบ 93 ปี การก่อตั้งสมาคมฯ และได้วางแนวคิดการจัดงานให้ตระหนักรู้ปัจจุบันและทิศทางอนาคต ภายใต้ธีม สติมา ปัญญา พร้อม(ท์) | SATI : WISDOM : PROMPT” เป็นการเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วรอบด้าน ทั้งในแง่ของการแข่งขันทางเศรษฐกิจ, การจ้างงาน, รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งมีบทบาทและท้าทายต่อรูปแบบการใช้ชีวิต และระบบวิธีคิดของผู้คน เพื่อเตรียมพร้อมก้าวข้ามไปสู่อนาคต และในมุมของสถาปัตยกรรมจะต้องมีการเข้าใจ ปรับตัว เตรียมพร้อมเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ของ
สังคมและผลักดันทิศทางการยกระดับสถาปัตยกรรมไทยไปสู่สากลได้

ทั้งนี้ การจัดงานสถาปนิก’69 นอกจากวัตถุประสงค์เป็นพื้นที่พบปะและเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลกในแวดวงสถาปัตยกรรม ด้วยงานแสดงนิทรรศการ การเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ที่มีบทบาทส่งเสริมวิชาชีพสถาปัตยกรรม การพัฒนาองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรม มีส่วนสำคัญต่อคุณภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมแล้ว ภายในงานยังเป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานออกแบบ รวมถึงสินค้าและบริการเทคโนโลยี วัสดุก่อสร้าง นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับวงการสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติ มาจัดแสดงบนพื้นที่กว่า 75,000 ตร.ม. ซึ่งจากความน่าสนใจของการจัดแสดงนิทรรศการ กิจกรรมเสวนาให้ความรู้ และสินค้าบริการที่ครบวงจร คาดว่างานสถาปนิก’69 จะได้ผลตอบรับที่ดีมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 325,000 คน

นายจาตุรนต์ กิ่งมิ่งแฮ ประธานจัดงานสถาปนิก’69 กล่าวเสริมถึงภาพรวมความคาดหวังของการจัดงานโดยความตั้งใจยกระดับการจัดแสดงงานให้เป็นที่จดจำในระดับอาเซียน ในฐานะพื้นที่จุดประกายพลังสร้างสรรค์ ที่พาทุกคนไปสัมผัสบทบาทของสถาปนิกที่มีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และพัฒนาคุณภาพชีวิต ควบคู่การจัดแสดงสินค้าและเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยกำหนดหมายหมุดสำคัญคือ การเป็น The Most Influential Architecture Exhibition in ASEAN หรือ เป็นการจัดงานแสดงนิทรรศการสถาปัตยกรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอาเซียน ที่สะท้อนพลังความคิดสร้างสรรค์ของงานสถาปัตยกรรมและวิชาชีพสถาปัตยกรรม ภายใต้แนวคิด สติมา ปัญญา พร้อม(ท์) | SATI : WISDOM : PROMPT” กระตุ้นให้ผู้คนมองอนาคต ขณะเดียวกันก็เข้าใจปัจจุบัน ตัวตน และรากเหง้าของเราโดยดึงศักยภาพและองค์ความรู้ ทั้งภูมิปัญญาดั้งเดิมและท้องถิ่น และองค์ความรู้ร่วมสมัย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาสำคัญของมนุษย์ ควบคู่ไปกับ ปัญญาประดิษฐ์ มาผสมผสานนําเสนอสู่เวทีระดับโลกต่อไป

สำหรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นภายในงานสถาปนิก’69 จะแบ่งเป็น 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ส่วนนิทรรศการหลัก ส่วนนิทรรศการวิชาการ ส่วนนิทรรศการวิชาชีพ ส่วนพื้นที่กิจกรรมและบริการ และส่วนงานสัมมนาวิชาการ โดยส่วนนิทรรศการหลักที่เป็นไฮไลต์ต้องยกให้ นิทรรศการ Thai Intelligence เผยกระบวนการออกแบบที่กลั่นกรองจากภูมิปัญญามนุษย์ ผ่านผลงานต้นแบบจริงของงานฝีมือและองค์ประกอบสถาปัตยกรรม สะท้อนการคิด ทดลอง และสั่งสมประสบการณ์ของสถาปนิกไทย ผสานเทคนิคภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่การออกแบบร่วมสมัยที่ได้รับการยอมรับทั้งระดับโลกและภูมิภาค (From Global to Local / From Local to Global) นิทรรศการนี้ไม่ใช่เพียงการจัดแสดง แต่เพื่อเฉลิมฉลองภูมิปัญญามนุษย์ อันเป็นรากฐานในการสร้างสรรค์

อีกหนึ่งไฮไลต์ คือ ASA ALL MEMBER : ไทยแลนด์ โอนลี่ นิทรรศการผลงานสมาชิกสมาคมสถาปนิกสยามฯ นำเสนอการตีความงานออกแบบสถาปัตยกรรมในบริบทความเป็นไทย ผ่านแง่มุมการคิดและการเป็นอยู่ ที่อาจมีทั้งความงดงาม อรรถรสเชิงกวี อารมณ์ขัน เสียดสี หรือสะท้อนวิถีชีวิตจริง ซึ่งซ้อนทับอยู่ในกระบวนการคิดของผู้ออกแบบ และถ่ายทอดออกมาอย่างสร้างสรรค์ในแบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น ในส่วนของงานสัมมนา หรือ FORUM ยังคงมีเช่นเดิมสำหรับ ASA INTERNATIONAL FORUM ที่มี keynote speakers สถาปนิกระดับโลกและมีชื่อเสียง พร้อมมาพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ในหัวข้อน่าสนใจ เช่น “การน้อมรับปัญญาประดิษฐ์” และ “การเชิดชูภูมิปัญญามนุษย์ที่ไร้กาลเวลา” เป็นต้น

สมาคมสถาปนิกสยามฯ

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม ASA INSPIRATION LAB หลอมรวมรูปแบบสัมมนาวิชาชีพ (Professional Seminar) และปฏิบัติการ (Workshop) เข้าไว้ด้วยกัน สร้างพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมงานได้พบกับมาสเตอร์ตัวจริง เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง สัมผัส มีส่วนร่วมรับฟังวิธีคิดและมุมมองที่ล้ำลึกเพื่อจุดประกายแรงบันดาลใจ และยังมีกิจกรรมการแข่งขัน ประกวดแบบเชิงแนวความคิดระดับนานาชาติ (ASA Experimental International Design Competition) การแสดงผลงานการประกวดแบบในระดับนานาชาติที่เปิดให้สมาชิกสมาคมฯ สถาปนิก นิสิต นักศึกษาและผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมส่งผลงานแสดงแนวคิดในการออกแบบด้วย

ภายในงานดังกล่าวยังมีโซนจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจอีกมากมาย เกิดขึ้นโดยความร่วมมือของ 4 องค์กรวิชาชีพสถาปนิก ได้แก่ สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย, สมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย, สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย พร้อมด้วยกิจกรรมบริการทางด้านงานสถาปัตยกรรมที่เหล่าสถาปนิกได้จัดขึ้นเพื่อประชาชนผู้สนใจ อาทิ คลินิกเตรียมสถาปัตย์ ร่วมกับ CDAST และสภาสถาปนิก ให้ข้อมูลการเตรียมตัวศึกษาต่อเพื่อเป็นสถาปนิก การทำงานด้านวิชาชีพสถาปัตยกรรม, ASA SHOP พื้นที่จำหน่ายหนังสือและของที่ระลึกสมาคมฯ ASA Book Shop พื้นที่จัดจำหน่ายหนังสือจากสถาบันการศึกษาและองค์กรทางด้านสถาปัตยกรรม, พื้นที่ ASA KIDS CLUB โดยมี KITBLOX เป็นตัวต่อขนาดยักษ์ ให้เด็กได้เล่นเสริมพัฒนาการ เป็นต้น สามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ที่ www.asaexpo.org

ประธานจัดงานสถาปนิก’69 กล่าวปิดท้ายถึงพื้นที่ในส่วนจัดแสดงสินค้าว่า “งานสถาปนิก’69 ให้ความสำคัญภายใต้นโยบาย “ASA100 SUSTAINABLE : TOWARDS SUSTAINABLE ASA ARCHITECT EXPO” โดยมุ่งขับเคลื่อนแนวทางการออกแบบและเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองและลดปริมาณขยะเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังเชิญชวนให้ผู้แสดงสินค้าได้นำเสนอรูปแบบการจัดแสดงบูธตามระดับความพร้อมที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างการรับรู้ในระดับสังคมวงกว้าง ผ่านการสำรวจเช็คลิสท์ประเมินผล เพื่อรับรางวัล “ASA GREEN PAVILION AWARDS” สำหรับบูธยอดเยี่ยมประจำปี โดยมีเป้าหมายคือยกระดับมาตรฐานพาวิเลียน บูธแสดงสินค้า เพื่อร่วมกันลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อถึงวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี สมาคมสถาปนิกสยามฯ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ และเพื่อร่วมกันสร้างรากฐานการแสดงสินค้าที่ยั่งยืน”

สมาคมสถาปนิกสยามฯ

ด้านนายศุภแมน มรรคา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้จัดงานสถาปนิก’69 กล่าวว่า “งานสถาปนิก (Architect Expo) ซึ่งจัดโดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดของวงการสถาปัตยกรรมและก่อสร้างไทย ด้วยพื้นที่รวมกว่า 75,000 ตารางเมตร รวมผู้แสดงสินค้ามากกว่า 1,000 บริษัทชั้นนำ โดยเป็นผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศราว 18% ที่ร่วมกันนำเสนอนวัตกรรมและบริการด้านการออกแบบและการก่อสร้างกว่า 100,000 รายการ และมีจำนวนผู้เข้าชมงานตลอด 6 วันกว่า 325,000 คน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในงานมากกว่า 22,000 ล้านบาท งานสถาปนิกจึงนับว่าเป็นหนึ่งในดัชนีสำคัญที่สะท้อนแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี งานนี้ยังมีบทบาทเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องหลายแขนง ทั้งวัสดุก่อสร้าง การออกแบบภายใน อสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนธุรกิจบริการ เช่น โลจิสติกส์ สื่อโฆษณา และการจัดอีเวนท์ ซึ่งทั้งหมดช่วยสร้างการจ้างงาน กระตุ้นการลงทุน และขยายโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม”

“สำหรับข้อมูลผู้เข้าชมงานสถาปนิก’68 กว่า 3.25 แสนคน คิดเป็นสัดส่วนผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมออกแบบและก่อสร้างกว่า 65% โดยกลุ่มอาชีพที่เข้าชมงานมากที่สุดคือ สถาปนิก คิดเป็น 14.19% รองลงมาคือ ดีไซเนอร์ 8.94% ผู้รับเหมา 8.13% วิศวกร 7.60% ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ค้าส่งวัสดุก่อสร้าง 6.68% และนักลงทุนหรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4.04% ขณะที่หากจำแนกตามระดับตำแหน่งงาน พบว่า เจ้าของธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อธุรกิจจะครองสัดส่วนสูงสุดถึง 22.61% ตามด้วยระดับหัวหน้างาน 7.24% ระดับผู้บริหารระดับกลาง 5.45% และผู้บริหารระดับสูง 4.46% ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่างานสถาปนิกเป็นจุดเชื่อมโยงเครือข่ายผู้มีอำนาจตัดสินใจในภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่ระดับนักออกแบบมืออาชีพไปจนถึงนักลงทุนรายใหญ่”

สำหรับไฮไลต์สำคัญของงาน ได้แก่ Thematic Pavilion ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565 โดยเป็นการร่วมมือระหว่างดีไซเนอร์และผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างในรูปแบบ Exhibitor x Designer ถ่ายทอดนวัตกรรมและประสบการณ์เชิงสร้างสรรค์จากการจัดแสดงสินค้า (Exhibiting) สู่งานแห่งการสร้างประสบการณ์และแรงบันดาลใจ (Sensing & Experience) ที่ผู้ชมสามารถสัมผัสได้จริง จนได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ อาทิ Thematic Pavilion “S-ONE Aluminum Grotto” ในงานสถาปนิก’67 ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกเจอร์รี่ หง (Jenchieh Hung) และกุลธิดา ทรงกิตติภักดี จาก HAS Design and Research ที่คว้ารางวัลชนะเลิศในการประกวดรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากทั่วโลก ที่จัดโดย The Chicago Athenaeum Museum’s International Architecture Awards ประเทศสหรัฐอเมริกา และในงานสถาปนิก’69 ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะมี Thematic Pavilion มากที่สุดถึง 7 พื้นที่ ได้แก่ 1. WATSADUNIYOM x HAA STUDIO                       2. VANACHAI x Studio Tofu 3. TODA x Supermachine 4. PANEL PLUS X ACa Architects                                5. SCG x SaTa Na 6. HAFELE x HAS Design and Research 7. BRT x Context Studio

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์ คือ Palette of Materials Pavilion ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างผู้จัดงานและบริษัท ลูกเล่น สถาปนิก จำกัด ในการสร้างสรรค์พื้นที่เพื่อถ่ายทอด ไอเดีย” เเละ “เเรงบันดาลใจ” ของ 40 นักออกแบบ ผ่านผลงาน 80 Mood Board ที่รังสรรค์จาก 800 ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้ชมงานได้รับรู้ถึงอารมณ์และแนวทางการผสมผสานความหลากหลายของวัสดุในการออกแบบ ที่เป็นการสร้างประสบการณ์การชมงานสถาปนิกในรูปแบบใหม่

สมาคมสถาปนิกสยามฯ

Thematic Pavilion และ Palette of Materials Pavilion ถือเป็นผลงานที่ยกระดับงานสถาปนิกสู่เวทีระดับสากลซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างนักออกแบบและผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างจากหลายแบรนด์ เพื่อสร้างสรรค์เวทีโชว์เคสแนวคิดการออกแบบร่วมสมัย และเป็นการสร้างบทสนทนาระหว่างแบรนด์วัสดุก่อสร้างกับนักออกแบบ ซึ่งทั้งสองแลนด์มาร์คตอกย้ำบทบาทของงานสถาปนิกในฐานะเวทีระดับนานาชาติที่ผสาน “ธุรกิจ–ดีไซน์–เทคโนโลยี” เข้าด้วยกันอย่างทรงพลัง

ปัจจุบัน งานสถาปนิก’69 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้แสดงสินค้าชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ SCG, TOA, PANTAMITR, MAKITA, JORAKAY, TODA, HAFELE, MAHAJAK, EDL, CRISTINA, VG, CONWOOD, TOSTEM, S-ONE, BOONTHAVORN, DOS ฯลฯ ที่ต่างก็เตรียมผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่ โดยหนึ่งในเทรนด์ที่น่าจับตาคือนวัตกรรมและบริการเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมให้เติบโตบนฐานความยั่งยืนและสุขภาวะของชีวิต เนื่องจากแนวคิด Wellness & Longevity-by-Design มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นโอกาสสำคัญของวงการสถาปัตยกรรมและก่อสร้างยุคใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับการออกแบบอาคารและพื้นที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาวะและคุณภาพชีวิต ตั้งแต่วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบพลังงานสะอาด ไปจนถึงการออกแบบเพื่อผู้สูงวัยและการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน เทรนด์นี้จึงเปิดพื้นที่ใหม่ให้กับผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและนักออกแบบในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ตรงจุด” นายศุภแมน กล่าว

ทางด้าน นางสาวฐิติพร หนูคง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ (โครงการซิลเวอร์ เวลเนสหนึ่งในเมกะโปรเจ็กของ BDMS Wellness Clinic บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในวิทยากรช่วงเสวนา หัวข้อ “The Future of Consumer Experience: From Smart Design to Intelligent Service” กล่าวว่า “ประเทศไทยมีจุดแข็งที่โดดเด่นและมีบทบาทเป็นอย่างมากในเศรษฐกิจสุขภาพโลก ทั้งการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ การบริการ และการต้อนรับที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เพิ่มโอกาสที่จะยกระดับประเทศไทยให้เป็น Wellness Hub ระดับโลกได้ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีวิสัยทัศน์ด้านการพัฒนาระบบสุขภาพแบบองค์รวม โดยเป็นการผสานการบริการด้านการแพทย์ เข้ากับการออกแบบทางด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นในโครงการต่าง ๆ มากมาย อย่างเช่น ที่ BDMS Wellness Clinic ที่มีการออกแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นมิตรต่อทุกคน (Universal Design) และใน BDMS Mövenpick Wellness Resort ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบเพื่อมอบการพักผ่อนอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งห้องพักที่เอื้อต่อการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ การติดตั้งระบบลดคลื่นรบกวนสมอง และการใช้เครื่องกรองอากาศเพื่อมอบอากาศบริสุทธิ์แก่ผู้รับบริการ โดยทุกองค์ประกอบล้วนสะท้อนแนวคิด ‘การออกแบบเพื่อสุขภาวะที่ดี’ ที่ยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมสุขภาพไทยสู่ระดับสากล”

สมาคมสถาปนิกสยามฯ

ด้าน ผศ.ดร.สุรพงษ์ เลิศสิทธิชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบ บริษัท ไอดิลเลียส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้นำเสนอแนวคิดใหม่เกี่ยวกับทิศทางสถาปัตยกรรมในยุคอนาคต ที่ต้องผสานปัญญามนุษย์ (Human Intelligence) ปัญญาสิ่งมีชีวิต (Living Intelligence) และปัญญาสิ่งแวดล้อม (Environmental Intelligence) เข้าด้วยกัน โดยมีรากฐานจาก “สติ” (Sati) และ “ภูมิปัญญา” (Wisdom) เพื่อสร้างรูปแบบการอยู่อาศัยที่สมดุลและกลมกลืนกับชีวิตทุกรูปแบบ โดยกล่าวว่า แนวคิด “ความเป็นอยู่ที่ดี” (Well-being) ในยุคใหม่ต้องก้าวข้ามการดูแลเฉพาะมนุษย์ และต้องมองครอบคลุมถึงระบบนิเวศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ พืช หรือองค์ประกอบธรรมชาติอื่น ๆ พร้อมย้ำว่า สติ เป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้นักออกแบบและนักพัฒนา เข้าใจและเคารพความฉลาดของธรรมชาติในการกำหนดทิศทางการออกแบบ

ผศ.ดร.สุรพงษ์ ยังกล่าวถึงบทบาทสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ในการแปลแบบแผนของชีวิตและธรรมชาติให้เป็นข้อมูลที่นำไปใช้ได้จริง ทำให้สถาปัตยกรรมสามารถตอบสนองต่อทั้งความต้องการของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างลุ่มลึก เกิดเป็น ‘พื้นที่’ ที่เข้าใจชีวิตและสอดคล้องกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

สำหรับอนาคตของสถาปัตยกรรมไทยและนานาชาติ ผศ.ดร.สุรพงษ์ มองว่าความสมดุลระหว่าง ธรรมชาติและ AI จะผลักดันให้เกิดสถาปัตยกรรมแบบใหม่ที่ปรับตัวได้ (Adaptive) และฟื้นฟูตัวเองได้ (Regenerative) ทั้งในระดับอาคาร พื้นที่สาธารณะ และการวางผังเมือง เป็นกรอบการพัฒนาที่สอดคล้องกับความยั่งยืนในระดับโลก

งานสถาปนิก’69 ภายใต้แนวคิด สติมา ปัญญา พร้อม(ท์) | SATI : WISDOM : PROMPT” มีกำหนดจัด ขึ้นระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2569 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยทางผู้จัดงานได้จัดเตรียมบริการรถตู้รับ-ส่งฟรี จากงานสู่ 2 สถานีรถไฟฟ้า ได้แก่ MRT สวนจตุจักร และ MRT พระราม 9 ตั้งแต่เวลา 09.30 – 20.30 น. ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.ArchitectExpo.com, Facebook Page : งานสถาปนิก : ASA Architect Expo และ Instagram : ASA Architect Expo 2026

 

เว็บไซต์ ประกาศ ซื้อ ขาย บ้าน มือ1 มือ2 :  Hubzoomer.com

ติดตามข่าวสาร รีวิวบ้านและคอนโด สาระน่ารู้ : Homezoomer